กระเบนค้างคาวที่เกาะเต่า
เรียนรู้เกี่ยวกับกระเบนค้างคาวบนเกาะเต่า
กระเบนค้างคาว มักจะเห็นได้ยากไม่ว่าจะทั้งนักดำน้ำลึก และนักดำน้ำตื้นในทะเลรอบเกาะเต่า
สายพันธุ์ที่เราเห็นรอบเกาะเต่าคือ Aetobatus Ocellatus หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า Ocellated Eagle Ray
นอกจากนี้ยังเรียกผิดๆ ว่า Spotted Eagle Ray หรือ White Spotted Eagle ซึ่งเป็นสายพันธุ์อื่นที่พบในมหาสมุทรแอตแลนติก
สถานที่พบกระเบนค้างคาวบนเกาะเต่า
กระเบนค้างคาวมักพบที่สวนญี่ปุ่น นักดำน้ำตื้นและนักดำน้ำฟรีไดฟ์พบพวกมันได้ที่บริเวณชายฝั่งทางใต้ของเกาะนางยวน
มองเห็นกระเบนค้างคาวได้ที่แนวปะการังทรายรี นักว่ายน้ำตอนเช้ารายงานว่าพบพวกมันในช่วงล็อคดาวน์ปี 2564
วิธีการระบุกระเบนค้างคาว
มีผิวหนังเรียบ ด้านหลังสีดำมีจุดสีขาวกระจายอยู่ส่วนท้าย ด้านท้องสีขาว หางเรียวยาว มีส่วนหัวที่แยกออกจากครีบเห็นได้ชัดเจน จึงทำให้ว่ายน้ำได้อิสระ
กระเบนค้างคาวมีขนาดกว้างถึง 330 ซม. แต่ขนาดเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 160 ซม. สำหรับเพศเมียและ 130 ซม. สำหรับเพศผู้ น้ำหนัก 230 กก.
ใกล้โคนหางด้านบนมีเงี่ยง 1-4 เงี่ยง พบมากที่สุด 6 เงี่ยง เรียงอยู่ชิดกันด้านหลังของครีบหลัง
พฤติกรรมเฉพาะของกระเบนค้างคาว
- กระเบนค้างคาวใช้จมูกของพวกมันขุดในทรายเพื่อหาอาหาร พบแล้วพวกมันใช้ขากรรไกรที่แข็งแรงและฟันรูปบั้งทุบเปลือกแข็งให้เปิดออกและบดขยี้เหยื่อที่ต้องการ อาหารของพวกมันคือกุ้ง กั้ง หนอน ปลาหมึกและปลา
- กระเบนค้างคาวเป็นสิ่งมีชีวิตกึ่งอาศัยบริเวณผิวน้ำและพบได้ที่ความลึก 60 เมตรจนถึงบริเวณผิวน้ำส่วนใหญ่ในน่านน้ำชายฝั่งและใกล้แนวปะการัง
- คุณมักจะเห็นพวกมันอยู่เป็นคู่ พวกมันเชื่อมโยงกันเป็นกลุ่มและบางครั้งก็อยู่ตามลำพัง
- กระเบนค้างคาวมีรังไข่ นั่นคือไข่จะฟักเป็นตัวภายในลำตัวของเพศเมีย
- ตัวอ่อนจะกินถุงไข่แดงในระยะแรกและต่อมาได้รับสารอาหารเพิ่มเติมจากเพศเมียโดยการดูดซึมของเหลวในมดลูก
- อายุครรภ์ 12 เดือนและให้กำเนิดลูกเพียง 1-4 ตัวและมีความยาวประมาณ 33-36 ซม. เมื่อแรกเกิด ลูกอ่อนลักษณะเหมือนพ่อแม่ยกเว้นลูกตัวเล็กกว่ามาก
- กระเบนค้างคาวสายพันธุ์นี้เริ่มสืบพันธุ์ระหว่าง 4 ถึง 6 ปีและสามารถมีชีวิตอยู่ได้ 25 ปี
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับกระเบนค้างคาว
เมื่อเร็วๆ นี้ กระเบนค้างคาวได้รับการอธิบายใหม่ว่าเป็นสายพันธุ์ที่แยกจาก Atlantic White Spotted Eagle Ray (A.narinari) และ pacifc White Spotted Eagle Ray (Aetobarus laticeps) ซึ่งพบได้ในแปซิฟิกตะวันออก
พวกที่อาศัยอยู่ในแปซิฟิกตะวันตกของอินโด – เวสต์คือ Aetobatus Ocellatus หรือที่รู้จักกันในชื่อ Occellated Eagle Ray ความแตกต่างระหว่างกระเบนทั้งสองชนิดมีเล็กน้อยในแง่พันธุกรรมและสัณฐานวิทยา
ฉลามเป็นสัตว์นักล่าของกระเบนค้างคาว พวกมันมักถูกล่าในช่วงฤดูผสมพันธุ์ ตอนให้กำเนิดลูกอ่อน
เป็นสายพันธุ์ที่ใกล้ถูกคุกคาม
IUCN จัดให้กระเบนค้างคาวเป็นสายพันธุ์ที่ใกล้ถูกคุกคาม การประเมินครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในปี 2549 ก่อนที่จะมีการกำหนดกระเบนสามสายพันธุ์ให้แยกกัน
ตั้งแต่นั้นมา IUCN ได้จัดประเภทกระเบนค้างคาวว่ามีความเสี่ยงที่จะถูกคุกคาม ในขณะที่สถานะการอนุรักษ์ White Spotted Eagle Rays ในแปซิฟิกยังไม่ได้รับการประเมิน
การจับปลามากเกินไปโดยไม่มีการควบคุมและการจับปลา bycatch เป็นภัยคุกคามหลัก มลภาวะและการค้าปลาก็เป็นภัยคุกคามอีกอย่างหนึ่ง รวมถึงการแพร่พันธุ์ของกระเบนค้างคาวและความหายากตามธรรมชาติ